ฟังธรรมะออนไลน์

ฟังธรรมะออนไลน์

คณะกรรมการ
มูลนิธิสวนแก้ว


ระเบียบการ
การบรรพชา – อุปสมบท
(บวชพระ - บวชเณร)


เล่าไว้เมื่อวัย73ปี พระราชธรรมนิเทศ

วารสารกัลยาโณ

ปฏิทินธรรม2567




หนังสือโฉนดกล้วยแขก ภาค2 "รู้... เท่าทัน... คำพิพากษ่า Not standrd สุดซอย"

 
อ่านเพิ่มเติมที่นี่







โครงการที่ 15 : บ่อหมักสิ่งปฏิกูล..ฯ

เรื่อง การกำจัดของเสียสิ่งขับถ่ายจากคนให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลโดยทำเป็นปุ๋ยหมักสำหรับใช้กับพืชและต้นไม้ สนองพระราชดำริฯ โดย จังหวัดนนทบุรี
ความเป็นมาของโครงการ


เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2544 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีกระแสพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา โดยตอนหนึ่งของกระแสพระราชดำรัส ได้ทรงรับสั่งถึงโครงการพระราชดำริ ซึ่งนำสิ่งปฏิกูลจากคนมาทำเป็นปุ๋ยหมักที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้


"… เมื่อ 20 กว่าปี เคยได้คิดถึงว่าสิ่งโสโครกที่ลงมาจากบ้านแล้ว เขาให้ทางเทศบาลมาดู มาสูบไปทิ้งในที่สมควร เป็นเรื่องสำคัญเมื่อ 20 ปีได้คิดดูว่า ที่เจ้าหน้าที่ไปดูดสิ่งโสโครกจากบ้าน เขาเอาไปไว้ที่ไหน ก็ไปสืบดูเขาบอกว่าสูบไปทิ้งในที่ที่เหมาะสมที่ว่าเหมาะสม ก็ไม่รู้ว่าที่ไหนตามรถที่เขาเอาสิ่งโสโครกนั้น ตามรถไปแล่นๆ กลางคืนไม่ค่อยเห็น ไปจอดที่คลอง หรือที่แม่น้ำจอดซักพัก ปล่อยลงคลอง ลงแม่น้ำเสร็จแล้วในรถนั้นก็ไม่มีสิ่งโสโครกแล้วเป็นสำเร็จประโยชน์เรียบร้อย สะดวกดีไม่ต้องไปไกล ไปดูดที่บ้านอีกแห่ง

เกิดจากเหตุอย่างนี้จึงเกิดความคิดว่า หากหาที่แห่งหนึ่งนอกเมืองแล้วไปทำถัง เอาสิ่งโสโครกปล่อยใส่ถังหมักไป 10 วัน สิ่งโสโครกก็หายโสโครก มีเชื้อโรค 10 วันก็หมดไป ถ้าให้ดีเอาเป็น 28 วัน ให้มันจริงๆจังๆ

พวกเชื้อที่ร้ายแรง เวลานั้นยังมีอยู่ ก็ไม่ต้องบอกชื่อ คนรังเกียจเป็นพวกเชื้อโรคต่างๆ ชนิดหมด ไม่มี แม้แต่กลิ่นก็หมด ไปใส่อย่างนั้นเสร็จแล้ว เอามาตาก วัตถุนั้นใช้เป็นปุ๋ย เป็นประโยชน์ ส่วนเป็นของแข็งและเป็นน้ำ น้ำก็เป็นปุ๋ย ที่ไม่เหม็นของแข็งเป็นปุ๋ยที่ไม่เหม็น เอาไปใช้แล้วทำหลายถังก็เอาสิ่งโสโครกมาใส่อีก เอาของโสโครก ของปฏิกูลมาใช้เป็นประโยชน์สำหรับการเกษตรใช้ได้

ได้ปรึกษากับผู้ที่รู้ และได้ทำโครงการหนึ่งที่นนทบุรี 20 กว่าปี เขาก็รายงานได้ผลดี มาเมื่อ 2 - 3 เดือนก็คิดอย่างนี้ ถามว่าเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร เขาบอกว่ายังมี นนทบุรีไม่มีแล้ว เมืองมันขยายไปนนทบุรี เป็นที่มีคนไปอยู่อาศัย ไม่ได้เป็นที่สำหรับการเกษตร แต่เขาไปทำจังหวัดอื่นๆ ทำไปทำมาก็เจอว่าที่หัวหินก็มี ให้คนไปดูที่หัวหิน ปรากฏว่าที่หัวหินไม่เคยสำเร็จ ไม่ดี เพราะทำแล้วมีคนมาสร้างบ้านอยู่รอบ

นานๆ ไป คนที่สร้างบ้านอยู่รอบเป็นใหญ่ บอกว่าทำไมเอาสิ่งปฏิกูลมาทิ้งไว้ตรงนี้ มันเหม็น มันแย่ยังดีไม่เดินขบวนมาหา รัฐมนตรี แต่ว่านวนแล้ว เขาบอกว่าอยู่ไม่ได้ แต่ก่อนไม่มีใครอยู่ที่นั่นแต่เขามาสร้างบ้านอาศัยรอบโครงการปฏิกูล ตกลงโครงการปฏิกูลตอนนั้นลงทุน 2 ล้านบาท ราไม่ได้ลงทุน เขาลงทุนเอง พวกเทศบาลหัวหิน แต่มีที่อื่นยังพอใช้ได้

โครงการแบบนี้ โครงการส่วนมาก ท่านทั้งหลายคงไม่เคยได้ยิน ว่ามีโครงการนี้ทำขึ้น สิ่งปฏิกูลมาเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ว่าต้องทำเหมือนกัน เวลานี้มีปัญหาที่ในกรุงเทพฯ เคยพูดแล้วว่าในกรุงเทพฯ เอาของมาจากต่างจังหวัด ที่เขาปลูกต่างจังหวัด ปลูกแล้วมาบริโภค ขอโทษ ถ่ายออกๆ ไปไว้ที่ไหนก็ยังมีปัญหา จะทำปัญหาอย่างนี้เทศบาลเป็นทุกข์ ก็ต้องพยายามที่จะพิจารณาว่า จะทำอะไรต่อไป..."

การดำเนินงานเพื่อสนองพระราชดำริฯ ของจังหวัดนนทบุรี

จากกระแสพระราชดำรัสข้างต้น และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อม นายสาโรช คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี (ในขณะนั้น) ได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริฯ ดังกล่าวมาดำเนินการอีกครั้งหนึ่งเพื่อสนองพระราชดำริฯ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ รวมทั้งเพื่อให้จังหวัดนนทบุรีมีการกำจัดสิ่งปฏิกูล อันเกิดจากบ้านเรือนราษฎรเป็นไปอย่างถูกสุขลักษณะและถูกต้องตรงตามหลักวิชาการ

นายสาโรช คัชมาตย์ จึงได้นำเรื่องไปนมัสการหารือ กับพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจังหวัดได้รับความเมตตาจาก พระอาจารย์พยอม ให้ใช้ที่ดินบริเวณวัดสวนแก้ว จำนวนประมาณ 4 ไร่ สำหรับเป็นพื้นที่ก่อสร้างบ่อหมักสิ่งปฏิกูลขนาด 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

การก่อสร้างบ่อหมักสิ่งปฏิกูลตามแนวโครงการพระราชดำริฯที่บริเวณวัดสวนแก้ว ได้เริ่มดำเนินการมา ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2545 ด้วยความร่วมมือจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 6 (ศูนย์อนามัยและสิ่งแวดล้อมเขต 1 – ในขณะนั้น)

ในการเขียนแบบแปลนการก่อสร้างเพื่อให้เหมาะสม กับสภาพพื้นที่บริเวณวัด และความประสงค์ของพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ
การบุกเบิกทำโครงการถังหมักสิ่งปฏิกูลจากคน ตามแนวพระราชดำริฯ
พระอาจารย์พยอม กัลยาโณ จะเป็นผู้ดูแลควบคุมอย่างใกล้ชิด
ในการดำเนินการก่อสร้างบ่อหมักสิ่งปฏิกูลตามแนวโครงการพระราชดำริฯ บริเวณวัดสวนแก้ว ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประสานการดำเนินโครงการฯ ได้เห็นชอบให้นำเงินจำนวน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ถวายสมทบแก่ พระอาจารย์พยอมสำหรับงบประมาณในส่วนที่เหลือ เมื่อครั้งที่จังหวัดนำเรื่องไปหารือกับ พระอาจารย์พยอมนั้นได้รับความเมตตาว่าทางวัดสวนแก้วจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในการก่อสร้างทั้งหมด
ต่อมาภายหลัง คุณดวงใจ ธิตยารักษ์ เลขามูลนิธิสวนแก้ว ได้นำเรื่องการดำเนินโครงการก่อสร้างบ่อหมัก ตามแนวโครงการพระราชดำริฯ กับ คุณอุไรวรรณ พิจิตรพงษ์ไชย ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนเก่าโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยมาด้วยกันและมีจิตศรัทธาในการทำงานของพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ รวมถึงการดำเนินโครงการพระราชดำริฯจึงได้แสดงความจำนงเข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ่อหมักสิ่งปฏิกูลฯ ที่วัดสวนแก้วในส่วนที่เหลือทั้งหมด

และในปัจจุบันนี้ (พ.ศ. 2547) การก่อสร้างบ่อหมักสิ่งปฏิกูลได้ดำเนินการมาเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่ง พระอาจารย์พยอม จะเป็นผู้บริหารงานร่วมกับจังหวัดนนทบุรีต่อไป
ปุ๋ยเนื้อ ก่อนและหลัง บดละเอียด ก่อนนำไปใช้และจำหน่าย
 
  มูลนิธิสวนแก้ว

เลขที่ 55/1 หมู่ 1 ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี 11140
55/1 M.1 Bang lane Subdistrict, BangYai District Nonthaburi 11140, Thailand
Tel : (66)02-595-1444, (66)02-595-1946
Fax. (66)02-921-5022
 
 
โอนเงินร่วมบริจาค ชื่อบัญชี
มูลนิธิสวนแก้ว โดยพระราชธรรมนิเทศ
 ธนาคารกสิกรไทย สาขา บางใหญ่ เลขที่บัญชี เลขที่ 269-2-12533-1
Email : [email protected]
©2020 Kanlayano All rights reserved.