โครงการที่ 13 : สวนแก้วเนอร์สเซอรี่
ปี 2538
ผู้ที่เดือดร้อน ยากไร้ ที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากพระพยอม กัลยาโณ มีทุกสภาพ นับตั้งแต่คนจรจัด คนถูกครอบครัวทอดทิ้ง คนมีปัญหาด้านจิต ซึ่งล้วนแต่สร้างภาระให้ท่านอย่างยิ่ง แต่พระพยอมก็คงให้ความเมตตาอย่างต่อเนื่อง จำนวนเด็กที่กำพร้าพ่อ กำพร้าแม่หรือสตรีที่ถูกทอดทิ้งจากสามี มีบุตรเกิดมา
ทำให้พระพยอมต้องเปิด โครงการสวนแก้วเนอร์สเซอรี่ ขึ้นมาอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเลี้ยงดูเด็กกำพร้า ซึ่งหมายถึงการเลี้ยงดู ให้การรักษาพยาบาล และส่งให้เรียนต่อเมื่อถึงวัยอันควร สมาชิกของโครงการต่าง ๆ ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกเพศ ทุกวัย หลายคนสามารถได้งานทำที่ดีพอเลี้ยงดูครอบครัวได้ ก็จะแยกตัวออกไป
|
|
|
หนูน้อยเหล่านี้ คือ อนาคตของชาติ
ที่หลวงพ่อพระพยอม กัลยาโณ
พยายามให้การเลี้ยงดูอย่างดี
|
...หลวงพ่อ มีความรัก มีหลายๆ สิ่ง ที่จำเป็นแก่หนูน้อยเสมอ |
|
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถจะแยกไปได้ มักจะเป็นผู้หญิงแม่ลูกอ่อนหรือมีลูกหลายคน ซึ่งไม่มีนายจ้างผู้ใดต้องการ จึงตกเป็นภาระของมูลนิธิที่ต้องให้การอุปการะพระพยอมจึงจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กขึ้น มีครูพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกเช้าพี่เลี้ยงจะรับเด็กมาจากแม่ จนถึงเวลาเลิกงาน ผู้เป็นแม่ก็จะมารับเด็ก ทำให้การทำงานของแม่สะดวกขึ้น และทำงานได้เต็มที่
อาหารสามมื้อพร้อมทั้งนมอย่างดีที่ท่านได้มอบให้เด็กเหล่านี้ ทำให้เด็กมีพลานามัยสมบูรณ์กว่าอยู่กับมารดาที่ไม่มีเวลาเลี้ยงดู เมื่อถึงเวลาการฉีดวัคซีนก็จะนำแพทย์มาตรวจสุขภาพให้เด็ก ทั้งนี้ยังมีบุคคลภายนอกนำลูกหลานมาฝากเลี้ยงด้วยอีกหลายราย ฉะนั้น ค่าใช้จ่ายจึงค่อนข้างสูง เพราะบรรดาพ่อแม่ของเด็กมีฐานะยากจน จึงเป็นการยากที่จะเก็บเงินค่าเลี้ยงดูได้
แต่ปัญหานี้มิได้เป็นอุปสรรคมากมาย พระพยอมได้เล็งเห็นว่าการลงทุนครั้งนี้ได้ผลคุ้มค่า เพราะเป็นการวางรากฐานคุณภาพชีวิตให้แก่เด็กแต่เยาว์วัย ซึ่งเป็นการลดปัญหาสังคมในอนาคตได้มาก เมื่อถึงเวลาเข้าเกณฑ์ท่านยังส่งให้เด็ก ๆ ได้ศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษาต่อไป เป็นวงจรย้อนกลับไปยังโครงการรณรงค์ผู้ไม่รู้หนังสือให้มีโอกาสได้เรียน ตามเป้าหมาย โครงการนี้เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2538
|
|
|
ยิ้ม... ร้องไห้... แต่ที่นี่คือ ความสุข ของหนูน้อย
|
|
|